Lecture


             กระบวนการพัฒนาเว็บไซต์
                
           1. จัดระบบโครงสร้างข้อมูล (Information Architecture)
            การจัดระบบโครงสร้างข้อมูล คือการพิจารณาว่า เว็บควรจะมีข้อมูลและการทำงานใดบ้าง โดยเริ่มจากการกำหนด เป้าหมาย กลุ่มผู้ใช้เป้าหมาย เนื้อหาและการใช้งานที่จำเป็น นำมาจัดกลุ่มให้เป็นระบบ

         การจัดระบบโครงสร้าง
               เป็นพื้นฐานการออกแบบเว็บไซต์ที่ดี ได้แก่ รูปแบบการนำเสนอ ระบบการทำงานแบบจำลอง ระบบเนวิเกชัน และอินเตอร์เฟสของเว็บดังนั้น การจัดระบบโครงสร้างข้อมูลจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เกี่ยวข้องอยู่ในกระบวนการออกแบบเว็บไซต์

        จัดระบบโครงสร้างข้อมูล(Information Architecture)
     Phase 1 : สำรวจปัจจัยสำคัญ (Research)
      1.รู้จักตัวเอง-กำหนดเป้าหมายและสำรวจความพร้อม
      2.เรียนรู้ผู้ใช้-ระบุกลุ่มผู้ใช้และศึกษาความต้องการการ
      3.ศึกษาคู่แข่ง-สำรวจการแข่งขันและการเรียนรู้คู่แข่ง

      สิ่งที่ได้รับ
      1.เป้าหมายหลักของเว็บ
      2.ความต้องการของผู้ใช้
    3.กลยุทธ์ในการแข่งขัน

     Phase 2 : พัฒนาเนื้อหา(Site Content)
      4.สร้างกลยุทธ์การออกแบบ
      5.หาข้อสรุปขอบเขตเนื้อหา
          
         สิ่งที่ได้รับ
     1.แนวทางการออกแบบเว็บ
        2.ขอบเขตและเนื้อหาการใช้งาน
       3.ข้อมูลที่ถูกจัดอย่างเป็นระบบ

      Phase 3 : พัฒนาโครงสร้างเว็บไซท์(Site Structure)
       6.จัดระบบข้อมูล
       7.จัดทำโครงสร้างข้อมูล
       8.พัฒนาระบบเนวิเกชัน

        สิ่งที่ได้รับ
      1.แนวทางการออกแบบเว็บ
       2.ขอบเขตและเนื้อหาการใช้งาน
       3.ข้อมูลที่ถูกจัดอย่างเป็นระบบ

    Phase 4 : ออกแบบและพัฒนาหน้าเว็บ(Visual Design)
        9.ออกแบบลักษณะหน้าตาเว็บ
       10.พัฒนาเว็บต้นแบบและข้อกำหนดสุดท้าย
           
         สิ่งที่ได้รับ
        1.ลักษณะหน้าตาของเว็บ
        2.เว็บต้นแบบที่ใช้ในการพัฒนา

        Phase 5 : พัฒนาและดำเนินการ (Production & Operation)
         11.ลงมือพัฒนาเว็บ
         12.เปิดเว็บไซต์
         13.ดูแลและพัฒนาต่อเนื่อง
             
          สิ่งที่ได้รับ
          1.เว็บที่สมบูรณ์
          2.เปิดตัวเว็บให้เป็นที่รู้จัก
          3.แนวทางการดูแลและพัฒนาต่อไป

เลือกใช้สีสำหรับเว็บไซต์
สีสันเป็นสิ่งสำคัญมากในการดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ เนื่องจากเป็นสิ่งแรกที่ผู้ใช้มองเห็น
  - การใช้สีพื้นใกล้เคียงกับตัวอักษร บางครั้งลำบากในการอ่าน
  - การใช้สีมากเกินอาจสร้างความสับสนให้ผู้อ่านได้
  - การใช้สีที่กลมกลืน ช่วยให้น่าดูมากยิ่งขึ้น

ประโยชน์ของสีในเว็บไซต์
  - ชักนำสายตาทุกบริเวณในหน้าเว็บ
  - เชื่อมโยงบริเวณที่ไดรับการออกแบบเข้าด้วยกัน
  - แบ่งบริเวณต่างๆออกจากกัน
   - ดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน
   - สร้างอารมณ์โดยรวมของเว็บ
   - สร้างระเบียบ
   - ส่งเสริมเอกลักษณ์ขององค์กรหรือหน่วยงานนั้นๆ

การผสมสี มี 2 แบบ
   - การผสมแบบบวก เป็นรูปแบบการผสมของแสงไม่ใช่การผสมของวัตถุที่มีสีบนกระดาษ
   - การผสมแบบลบ ไม่เกี่ยวข้องกับแสงแต่เกี่ยวกับการดูดกลืนและสะท้อนแสงของวัตถุต่างๆ
รูปแบบชุดสีพื้นฐาน (Simple Color Schemes)- ชุดสีร้อน
-
ชุดสีเเบบเดียว
-
ชุดสีที่คล้ายคลึงกัน
-
ชุดสีตรงข้ามเคียง
-
ชุดสีตรงข้ามข้างเคียงทั้ง 2 ด้าน
-
ชุดสีเย็น
-
ชุดสีเเบบสามเส้า
-
ชุดสีตรงข้ามสีกับอารมณ์บอกความรู้สึกต่างๆ
สีเเดง   เเสดง ถึงพลัง อำนาจความโมโห ความก้าวร้าว
สีน้ำเงิน  เเสดง ถึงความซื่อสัตย์ ความมั่นคง ปลอดภัย
สีเขียว   เเสดงถึง ธรรมชาต สุขภาพ ความยินดี
สีเหลือง  เเสดงถึง ความสดใส ร่าเริง การมองโลกในเเง่ดี ความหวัง ความอบอุ่น
สีม่วง    เเสดงถึง ความสูงส่ง ความสร้างสรรค์ ความรอบรู้ ความแปลกใหม่
สีส้ม    เเสดงถึง กำลังความสามารถ ความเข้มเเข็ง กระตือรือร้น
สีน้าตาล  เเสดงถึง ความเรียบง่าย ความสะดวกสบาย ความมั่นคง เชื่อถือได้
สีเทา    แสดงถึง ความสุภาพ ความเป็นไปได้ ความมั่นคง
สีขาว    เเสดงถึง ความบริสุทธฺ์ ความไร้เดียงสา ความรัก ความฉลาด
สีดำ     เเสดงถึง อำนาจ ความฉลาด ความเป็นเลิศ ความสุขม รอบคอบ 

รูปแบบกราฟฟิกสำหรับเว็บ
 (GIF , JPG และ  PNG)

     *  GIF  ย่อมาจาก  Graphic  Interchange  Format
          - ได้รับความนิยมในยุคแรก
          - มีระบบสีแบบ Index ซึ่งมีข้อมูลสีขนาด 8 บิต ทำให้มีสีมากกว่า 256 สี
          - มีการบีบอัดข้อมูลตามแนวนอนของพิกเซล   เหมาะสำหรับกราฟฟิกที่ประกอบด้วยสีพื้น
     *  JPG  ย่อมาจาก  Joint  Photogtaphic  Experts  Group
          - มีข้อมูลสีขนาด 24 บิต (True Color)  สามารถแสดงสีได้ถึง 16.7 ล้านสี
          - ใช้ระบบการบีบอัดที่มีลักษณะที่สูญเสีย (lossy)
          - ไฟล์ประเภทนี้ควรนำไปใช้กับรูปถ่ายหรือกราฟฟิกที่มีการไล่ระดับสีอย่างละเอียด
     *  PNG  ย่อมาจาก  Portable  Network  Graphic   สามารถสนับสนุนระบบสีได้ทั้ง 8 บิต 16 บิต และ 24 บิต   มีระบบการบีบอัดแบบ Deflate ที่ไม่ทำให้เกิดการสูญเสีย (lossless) มีระบบการควบคุมค่าแกมม่า (Gamma)  และความโปร่งใส (Transparency) ในตัวเอง
ระบบการวัดขนาดของรูปภาพ
     รูปภาพที่ใช้หน่วยวัดขนาดตามหน้าจอมอนิเตอร์   นั่นก็คือหน่วยพิกเซล   ซึ่งจะมีประโยชน์ในการเปรียบเทียบขนาดของกราฟฟิกหับองค์ประกอบอื่น ๆ ในหน้าเว็บ   รวมถึงขนาดของหน้าต่างเบราเซอร์ด้วย
ระบบการวัดความละเอียดของรูปภาพ
  * ระบบความละเอียดของรูปภาพที่แสดงผลบนจอมอนิเตอร์ควรใช้หน่วย pixel per inch (ppi)
  * แต่ในทางการใช้งานจะนำหน่วย dot per inch (dpi) ซึ่งเป็นหน่วยวัดความละเอียดของสิ่งพิมพ์มาใช้งานแทน ppi
  * ความละเอียดของรูปภาพที่ใช้ในเว็บไซต์ควรมีความละเอียดแค่ 72 ppi ก็เพียงพอแล้ว
โปรแกรมกราฟฟิกสำหรับเว็บ
     * ปัจจุบันมีโปรแกรมหลายประเภททีนำมาใช้ในการสร้างกราฟฟิกสำหรับเว็บ
          - Adobe   PhotoShop
          - Adobe  ImangeReady
          - Firework    
     * ค่าพื้นฐานที่สามารถเลือกปรับได้คือ  รูปแบบไฟล์ชุดสีที่ใช้ ,  จำนวนสีระดัความสูญเสียความโปร่งใส และสีพื้นหลัง
คำแนะนำในกระบวนการออกแบบกราฟฟิกสำหรับเว็บ
     * ออกแบบกราฟฟิกโดยใช้ชุดสีสำหรับเว็บ (Web  Palette)
     * เลือกใช้รูปแบบกราฟฟิกที่เหมาะสม GIF หรือ JPEG
     * ตัดแบ่งกราฟฟิกออกเป็นส่วนย่อย (Slices)